ทำไมช่วงนี้แบงก์ "โคตรตึง" ยื่นกู้ยังไงก็ไม่ผ่าน? | Proview Living
ทำไมช่วงนี้แบงก์ "โคตรตึง" ยื่นกู้ยังไงก็ไม่ผ่าน?
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังตื่นเต้นกับการซื้อบ้านหลังแรก แต่พอยื่นเอกสารขอสินเชื่อกับธนาคารกลับโดน "ปฏิเสธ" ซ้ำไปซ้ำมา…
ขอให้รู้ไว้เลยค่ะว่า “ไม่ใช่คุณคนเดียว” ที่กำลังเจอสถานการณ์แบบนี้!
วันนี้ Proview Living จะพาคุณมาดูกันชัด ๆ ว่า
ทำไมปี 2568 นี้ ธนาคารถึง "ตึงมือ" และปล่อยกู้ยากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า?
รวมถึงแนวทางแก้เกมให้คุณมีโอกาสได้เป็นเจ้าของบ้านในฝันให้ได้ค่ะ
1. หนี้เสียพุ่ง ธนาคารเลย "ขอเข้ม"
ตั้งแต่ปี 2566 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2568 สถิติของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานว่า
"หนี้เสีย" หรือ NPL (Non-Performing Loan) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในกลุ่มสินเชื่อบ้านและสินเชื่อส่วนบุคคล
แบงก์จึงต้อง “คุมความเสี่ยง” เข้มข้นขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ เช่น
-
คัดกรองผู้กู้ให้ละเอียดขึ้น
-
ดูเครดิตบูโรย้อนหลังยาวขึ้น
-
ส่อง Statement จนถึงรูขุมขน
-
ตรวจสอบแหล่งที่มาของรายได้แบบจริงจัง
ใครที่มีประวัติค้างชำระ เคยผิดนัด หรือรายได้ไม่เสถียร โอกาสหลุดสูงมากค่ะ!
2. ดอกเบี้ยขาขึ้น = ภาระหนี้หนักกว่าเดิม
อัตราดอกเบี้ยขาขึ้นแบบต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
ทำให้ยอดผ่อนบ้านต่อเดือนของผู้กู้สูงขึ้นอัตโนมัติ แม้จะกู้ในวงเงินเท่าเดิมก็ตาม!
ธนาคารเลยต้องเผื่อความเสี่ยงไว้
เพราะหากผู้กู้มีภาระผ่อนเกิน 40%-50% ของรายได้ ก็เสี่ยงสูงที่จะผิดนัดชำระได้ง่าย ๆ
DTI (Debt to Income Ratio) เลยถูกจับตาเป็นพิเศษ
และหลายแบงก์ถึงขั้น "หั่นวงเงิน" หรือ "ปฏิเสธ" ไปเลย ถ้าตัวเลขไม่สวย
3. อาชีพไม่มั่นคง = แบงก์ลังเลสุด ๆ
ในอดีตขอแค่มีรายได้ประจำก็พอ แต่ตอนนี้ "มั่นคงแค่ไหน?" กลายเป็นโจทย์ที่ธนาคารใช้วัดก่อนปล่อยกู้
อาชีพที่ได้เปรียบ:
-
ข้าราชการ
-
พนักงานรัฐวิสาหกิจ
-
พนักงานเอกชนในบริษัทใหญ่-รายได้สม่ำเสมอ
อาชีพที่เสี่ยงโดนรีเจกต์:
-
ฟรีแลนซ์
-
ธุรกิจส่วนตัวที่ไม่มีหลักฐานรายได้ชัดเจน
-
อาชีพที่มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ เช่น ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ฯลฯ
แค่คำว่า “รายได้ดี” ไม่พอ ต้อง "เสถียร" และ "มีหลักฐานแน่น" เท่านั้นค่ะ
4. เกณฑ์ประเมิน "โหด" ขึ้นกว่าเดิม
สมัยก่อนอาจดูแค่เงินเดือนกับหนี้ที่มี แต่ตอนนี้แบงก์จะดูลึกไปถึง:
-
รายละเอียดบัญชีเงินเข้า-ออก (Cash Flow)
-
ความสม่ำเสมอในการรับเงินเดือน
-
รายการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยที่ผิดสังเกต
-
ยอดหนี้สินค้างเก่า และพฤติกรรมชำระหนี้
เรียกได้ว่า ไม่มีอะไร "หลุดรอด" จากสายตาแบงก์ได้เลย!
เพราะเขาอยากมั่นใจว่าคุณจะไม่กลายเป็น NPL อีกในอนาคต
แล้วจะทำยังไงดี? ถ้าไม่อยากโดนปฏิเสธสินเชื่อ
1. เคลียร์หนี้เก่าให้เบาที่สุด
หนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล หนี้รถ... เคลียร์ได้ต้องเคลียร์ก่อนขอยื่นกู้
2. เช็กเครดิตบูโรตัวเองก่อนทุกครั้ง
อย่าให้มีค้างจ่ายซ่อนอยู่โดยไม่รู้ตัว เพราะระบบแบงก์รู้หมด!
3. เสริม Statement ให้ดูดี
ให้เงินเข้า-ออกสม่ำเสมอทุกเดือน มีเงินเหลือหลังหักค่าใช้จ่ายชัดเจน
4. เลือกยื่นกู้กับแบงก์ที่เหมาะกับอาชีพคุณ
อย่าสุ่มมั่ว! ต้องเลือกธนาคารที่เข้าใจอาชีพและไลฟ์สไตล์ของคุณ
5. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน เป๊ะ ตั้งแต่รอบแรก
ยิ่งรอบคอบ ยิ่งเพิ่มโอกาสให้สินเชื่อผ่านง่ายขึ้น
สรุป: ทำเลไม่ใช่แค่โลเคชัน...แต่คือพลังชีวิต!
"แบงก์โคตรตึง" ไม่ใช่แค่ความรู้สึก แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดจากหลายปัจจัยพร้อมกัน
ทั้งเศรษฐกิจชะลอ หนี้เสียพุ่ง ดอกเบี้ยขยับ และแบงก์เองก็ต้องระมัดระวังสุดขีด
แต่ถ้าคุณรู้เกมล่วงหน้า เตรียมตัวให้พร้อม
โอกาสได้ถือกุญแจบ้านในฝัน ก็ยังมีอยู่แน่นอนค่ะ!
ต้องการที่ปรึกษามือโปรเรื่องกู้ซื้อบ้าน รีไฟแนนซ์บ้าน หรือวางแผนอสังหา?
Proview Living พร้อมช่วยคุณวางแผนและแนะนำเส้นทางที่ใช่ที่สุด!
ติดต่อเราเลยวันนี้! 📞 LINE: @proviewliving | โทร: 095-659-2656
"Proview Living… เลือกความสุข เลือกคุณภาพ!"
#ProviewLiving #กู้บ้านไม่ผ่านทำไงดี #อสังหาต้องรู้ #รีไฟแนนซ์บ้าน #ตลาดอสังหา2568