Buyer Agent vs Seller Agent: เข้าใจง่าย ๆ จัดเต็มความต่างแบบชัด ๆ ก่อนเลือกใช้บริการให้ตรงจุด!
ถ้าคุณกำลังมองหาบ้านสวย ๆ หรือกำลังคิดจะขายบ้านแสนรักของคุณให้ได้ราคาดี บอกเลยว่า "ตัวแทน" หรือเอเจนต์นี่แหละคือหัวใจสำคัญที่คุณต้องรู้จัก แต่ตัวแทนก็มีสองสายงานหลัก ๆ นะ คือ Buyer Agent (ตัวแทนผู้ซื้อ) และ Seller Agent (ตัวแทนผู้ขาย) ซึ่งทั้งสองสายนี้ต่างกันชัดเจนเหมือนกลางวันกับกลางคืน! เล่าให้ฟังแบบง่าย ๆ ที่นี่เลย จะได้เลือกถูกไม่โดนเท!
1. ภารกิจหลัก: ใครช่วยใคร?
- Buyer Agent: ตัวแทนของผู้ซื้อ เหมือนเพื่อนคู่ใจเวลาคุณจะซื้อบ้าน เขาจะช่วยคุณไล่หาบ้านในฝัน ที่ตอบโจทย์ได้ครบ ทั้งทำเลดี ๆ ราคาโดน ๆ แถมยังช่วยคุยต่อรองราคาให้คุณจ่ายน้อยที่สุด!
- Seller Agent: ตรงกันข้ามเลย ตัวแทนของผู้ขายนั่นเอง! เขาจะเน้นช่วยเจ้าของบ้านให้ขายบ้านได้เร็ว ๆ ในราคาที่ดี เขาจะคอยโปรโมททรัพย์สินคุณให้คนสนใจ ทั้งลงโฆษณา ป้ายประกาศ เรียกว่าทำทุกอย่างให้บ้านคุณโดดเด่นจนมีคนต่อคิวขอซื้อ!
2. ใครช่วยใครในสถานการณ์ไหน?
- Buyer Agent: ถ้าคุณคือคนที่กำลังมองหาบ้านใหม่ ไม่รู้จะเลือกอะไรดี แถมกลัวเจอบ้านสภาพไม่ดี หรือราคาสูงเกินไป ตัวแทนผู้ซื้อจะช่วยชี้เป้าทรัพย์ดี ๆ ที่เหมาะกับคุณแน่นอน
- Seller Agent: ถ้าคุณคือเจ้าของบ้านที่อยากขายบ้านไว ๆ ไม่อยากให้บ้านนั่งเฉาในตลาดนาน ตัวแทนผู้ขายจะจัดการให้ทุกอย่าง ไล่ตั้งแต่การตั้งราคาขาย การทำแผนโปรโมทจนถึงการเจรจาปิดดีล!
3. ทักษะที่ต่างกันสุดขั้ว
- Buyer Agent: ต้องเจ๋งเรื่องเจรจาต่อรอง จะได้ช่วยต่อรองราคาให้คุณจ่ายน้อยลง มีความรู้ในตลาดเป็นอย่างดี รู้ว่าบ้านไหนคุ้มไม่คุ้ม ให้คุณตัดสินใจได้ถูก
- Seller Agent: ต้องเก่งเรื่องการทำตลาด! ยิ่งทำให้บ้านคุณดูโดดเด่น ยิ่งมีโอกาสขายได้เร็ว รู้วิธีการตั้งราคาที่เรียกว่าพอดี ไม่ต่ำไปจนขาดทุน หรือสูงไปจนคนไม่สนใจ
4. ใครเน้นอะไร?
- Buyer Agent: โฟกัสแค่เรื่องเดียวเลย คือหาบ้านที่ดีที่สุดให้กับคุณ ใครอยากต่อราคา ลดเงื่อนไข ตัวแทนผู้ซื้อนี่แหละคนที่คุณต้องการ!
- Seller Agent: ทำทุกอย่างเพื่อให้บ้านคุณดูดีสุด ๆ ตีราคาสูงเข้าไว้ ช่วยทำให้บ้านน่าสนใจผ่านแคมเปญโฆษณา แถมยังช่วยตอบคำถามจากผู้ซื้ออย่างรวดเร็ว
5. งานเอกสารและกฎหมาย ใครเจ๋งกว่าใคร?
- Buyer Agent: ตัวจริงเรื่องเอกสารซื้อขาย เขาจะช่วยเตรียมเอกสารทุกอย่าง ตั้งแต่การจดจำนอง ไปจนถึงการโอนกรรมสิทธิ์ ไม่ต้องกลัวว่าจะพลาดขั้นตอนไหน
- Seller Agent: จัดการเรื่องเอกสารให้คุณแบบครบวงจร ตั้งแต่การเซ็นสัญญาซื้อขายจนถึงการโอนบ้านไปให้ผู้ซื้อ เรียกได้ว่าเป็นมืออาชีพตัวจริง!
6. การบริการหลังการขาย
- Buyer Agent: ไม่ได้แค่ช่วยตอนซื้อ แต่ยังตามต่อว่าการโอนกรรมสิทธิ์เรียบร้อยมั้ย หรือถ้ามีปัญหาก็ยังพร้อมให้คำปรึกษา
- Seller Agent: เน้นไปที่การปิดดีลและส่งต่อบ้านให้ผู้ซื้อแบบราบรื่น งานจบเมื่อบ้านขายได้ แต่ก็มักจะติดตามว่าผู้ซื้อมีปัญหาอะไรหรือไม่
สรุปกันแบบแซ่บ ๆ
ถ้าคุณคือ "ผู้ซื้อ" ที่ต้องการบ้านดี ๆ ราคาโดน ๆ ไม่มีเวลาดูเอง Buyer Agent คือตัวช่วยที่คุณต้องการ! แต่ถ้าคุณคือ "ผู้ขาย" ที่อยากได้ราคาดีสุด ไม่ต้องรอขายนาน Seller Agent นี่แหละคือคู่แท้ที่ต้องมาช่วยกันขาย!
เลือกให้ถูก รับรองว่าจะทำให้การซื้อขายบ้านของคุณเป็นเรื่องง่าย และได้ประโยชน์สูงสุด ไม่ต้องมานั่งเสียดายทีหลัง!